หนังเทียมพีวีซี (PVC) กับ หนังเทียมพียู (PU) แตกต่างกันอย่างไร
- 16 ส.ค. 2566
- ยาว 1 นาที

หนังเทียม (Synthetic Leather) คือ หนังที่สังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อเลียนแบบหนังแท้จากสัตว์ เช่น วัว หรือ แกะ เพื่อนำมาใช้ผลิตกระเป๋า รองเท้า หรืองานเครื่องหนังต่างๆ
หนังเทียมพีวีซี และ หนังเทียมพียู มีความแตกต่างกันจากสารเคมีตั้งต้นที่ใช้ผลิต จึงทำให้คุณสมบัติ ผิวสัมผัสของทั้งสองประเภทแตกต่างกัน รวมไปถึงลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันเล็กน้อย

ข้อแตกต่าง 1 : สารเคมีตั้งต้น
หนังเทียมพีวีซี (PVC) ผลิตจาก Polyvinyl Chloride ทำให้ได้หนังเทียมที่มีความแข็งกระด้าง แต่มีความทนทานมากกว่า
หนังเทียมพียู (PU) ผลิตจาก Polyurethane ทำให้ได้หนังเทียมที่มีความยืดหยุ่น ผิวสัมผัสอ่อนนุ่ม มีความใกล้เคียงกับหนังแท้มากกว่า
ข้อแตกต่าง 2 : ความยืดหยุ่นและความทนทาน
หนังเทียมพีวีซี (PVC) : มีความยืดหยุ่นน้อยกว่า แต่แข็งแรง ทนทานมากกว่า
หนังเทียมพียู (PU) : มีความยืดหยุ่นมากกว่า ผิวสัมผัสนุ่มนวลกว่า
ข้อแตกต่าง 3 : ความใกล้เคียงกับหนังแท้
หนังเทียมพีวีซี (PVC) : มีความคล้ายคลึงกับหนังแท้น้อยกว่า
หนังเทียมพียู (PU) : สามารถออกแบบให้ผิวสัมผัสนุ่ม เงา คล้ายกับหนังแท้มากกว่า
ข้อแตกต่าง 4 : การดูแลรักษา
หนังเทียมพีวีซี (PVC) : ส่วนใหญ่ทนทานต่อแสงแดดและกันน้ำได้ดีกว่า เมื่อเลอะคราบสกปรกสามารถใช้ผ้าชุบน้ำสะอาด หรือ ครีมทำความสะอาดเช็ดออกได้ง่าย
หนังเทียมพียู (PU) : อาศัยการดูแลรักษาที่ละเอียดอ่อนมากกว่า
ข้อแตกต่าง 5 : การใช้งาน
หนังเทียมพีวีซี (PVC) : ด้วยลักษณะเด่นเรื่องความแข็งแรงและทนทาน อายุการใช้งานยาวนานกว่า จึงนิยมใช้กับงานหุ้มเบาะรถยนต์ งานหุ้มตู้เครื่องเสียง หรือ เฟอร์นิเจอร์ที่เน้นทนทาน ในระดับราคาไม่สูงมากนัก
หนังเทียมพียู (PU) : ด้วยลักษณะเด่นเรื่องความใกล้เคียงหนังแท้ ความยืดหยุ่น และผิวสัมผัสที่ดี จึงนิยมใช้กับงานทำกระเป๋า งานรองเท้า รวมถึงงานหุ้มเบาะเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการผิวสัมผัสที่ดี

อย่างไรก็ตามข้อแตกต่างข้างต้นเป็นเพียงการจำแนกเพื่อให้เห็นความแตกต่าง ด้วยเทคโนโลยีการผลิตหนังเทียมในปัจจุบัน บางครั้งหนังเทียมพียูก็ถูกออกแบบให้มีความแข็งแรง-ทนทานใกล้เคียงกับหนังเทียมพีวีซี รวมทั้งหนังเทียมพีวีซีก็มีการพัฒนาลวดลายผิวสัมผัสให้ใกล้เคียงหนังแท้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีวัสดุผสมของทั้งสองประเภท (Semi-PU) ทำให้บางครั้งจึงยากในการจำแนกในท้องตลาด
Comments